Botox ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

หากการคงความงามเรียบตึงกระชับของผิวพรรณและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย คือ ความปรารถนาของคุณ Botox หรือ ‘Botulinum Toxin Type A’ เป็นตัวช่วยสำหรับผิวให้แลดูตึงกระชับเรียบเนียน พร้อมทั้งปรับรูปหน้าให้ได้รูปมีมิติ

คุณประโยชน์ของโบท็อกซ์

ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย โดยเฉพาะรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอยตีนกา ฯลฯ ทำให้ผิวเรียบตึง โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด

ปรับโครงหน้า ลดขนาดกราม และยกกระชับใบหน้าให้เข้ารูปมีมิติขึ้น ลดน่องให้เรียวมนระงับการเกิดเหงื่อ โดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขนหรือรักแร้ ใช้เวลารักษาน้อย ประมาณ 30-40 นาที เห็นผลชัดและรวดเร็วตั้งแต่หลังรักษา สามารถกลับไปทำงานได้ปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น

Botox Lift

ฉีดลิฟท์หน้ามีอยู่ 2 แบบ

  1. การฉีดเดอร์โมลิฟท์ (dermolift) เป็นการฉีดแบบเจือจางมากกว่าปกติ(ตามสูตร)เข้าไปในชั้นผิวหนังตื้นๆ ตามกรอบหน้า ขึ้นไปหาหนังศีรษะทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เกิดการหดตัวของผิวหนังบริเวณกรอบหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามแนวกรอบหน้า หลังทำ1ข้างจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน สามารถทำได้ต่อเนื่องได้ทุก 4-6 เดือน ถือว่าเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง หากทำภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์
  2. การฉีดเนเฟอร์ติติลิฟท์ (nefertiti lift) เป็นการฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Platysma ซึ่งกล้ามเนื้อมัดนี้จะห่อหุ้มกรอบหน้าส่วนล่างมาหาลำคอ เวลากล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะดึงแก้มให้หย่อนคล้อยลง ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อ Platysma นี้จะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรง แก้มของเราจึงถูกดึงยกกระชับขึ้นจากกล้ามเนื้อต่างๆบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น ทำให้แก้มไม่หย่อนคล้อย จึงเป็นหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้อย่างดี วิธีนี้สามารถทำบ่อยทุก 4-6 เดือน

ฉีดกราม หน้าเรียว

ฉีดกราม หน้าเรียว ทำยังไงให้ได้ผล

ฉีดลดกล้ามเนื้อกราม หรือที่เรียกว่าหน้าเรียว Vshape โดยจะฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ชื่อ เเมสซีเตอร์ ซึ่งกล้ามเนื้อมัดนี้จะมีขนาดใหญ่มากน้อยในแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการเคี้ยวอาหารของเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะชอบเคี้ยวอาหารด้านเดียว ทำให้กราม 2 ข้างไม่เท่ากัน หากขนาดกล้ามเนื้อแตกต่างกันมากแพทย์อาจจะฉีดโบ เข้าไปในปริมาณที่ไม่เท่ากันในแต่ละข้าง

หลังฉีดลดกราม จะเริ่มเห็นความแตกต่างได้ว่าขนาดกรามเล็กลงเมื่อครบ 1 เดือน และจะเห็นผลได้ชัดเจนที่สุดเมื่อครบ 2 เดือน หากต้องการให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลงมากๆควรฉีด 2-3 ครั้งในปีแรก และฉีด 1-2 ครั้งในปีถัดไปเพื่อให้รูปหน้าเล็กเรียวอย่างชัดเจน

ปริมาณที่ใช้ในแต่ละครั้งทั้งหมดจะอยู่ในช่วง 30-60 ยูนิต (ข้างละ 15-30 ยูนิต) การดูแลหลังฉีดลดกรามไม่ค่อยมีอะไรที่ต้องกังวลเป็นพิเศษ โดยปกติจะให้ระวังเรื่องรูปหน้าไม่เท่ากันจากการเคี้ยวอาหารด้านเดียวเป็นสำคัญ ดังนั้น หลังฉีดลดกรามในช่วง 1-3 เดือนแรกควรเคี้ยวอาหารด้านที่ไม่ถนัดเป็นหลัก

ส่วนปัญหาที่พบได้บ่อยๆในปัจจุบันคือการ ฉีดลดกราม ในปริมาณมากเกินไปทำให้ข้างแก้มตอบมาก หน้าผิดรูปมองเห็นโหนกแก้มเด่นชัดขึ้น บางคนมีปัญหาการยิ้มเบี้ยวจากการฉีดผิดตำแหน่ง นอกจากนี้คือการใช้ยาปลอมในการฉีดลดกรามในปริมาณที่สูงมากๆเช่นข้างละ 100 ยูนิตจะทำให้เกิดการดื้อยาขึ้นในเวลารวดเร็วจากยาปนเปื้อนโปรตีนจากแบคทีเรียในปริมาณสูงซึ่งไม่บริสุทธิ์เพียงพอ ดังนั้นการฉีดโบที่ดีและปลอดภัยควรหาข้อมูลให้ดีก่อนทำไม่ควรใช้ราคาถูกอย่างเดียวในการตัดสินใจ เพราะยาของแท้ทุกยี่ห้อจะไม่สามารถขายในราคาถูกมากๆได้เลยและควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากเพียงพอ

 

ฉีดลดริ้วรอย เหี่ยวย่น หน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว

การฉีดลดริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยย่นหางตาเวลายิ้ม (รอยตีนกา) รอยย่นขมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก แพทย์จะประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจุดที่จะฉีดและความหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวนนั้นร่วมด้วย เพื่อกำหนดปริมาณยาที่จะใช้ฉีดต่อครั้ง
นอกจากนี้ความต้องการของผู้รับบริการจะต้องถูกนำมาประกอบร่วมด้วยเสมอ บางท่านอาจไม่ต้องการให้หน้าดูแข็งหลังฉีด ในขณะที่บางท่านอาจต้องการให้ริ้วรอยหายหมดและดูหน้าแข็งๆไปเลย เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะนำมาประกอบในการวางแผนการฉีดร่วมด้วยเสมอ โดยปกติยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีดรักษาประมาณวันที่ 3-5 และจะเห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนผลการฉีดจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความแข็งแรงกล้ามเนื้อของคนผู้รับบริการเป็นหลักซึ่งโดยปกติจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน หากทำต่อเนื่องจะช่วยให้ดูอ่อนวัยขึ้นมาก
หลังฉีดลดริ้วรอยกี่วันถึงจะเห็นผล ?
หลังจากฉีดลดริ้วรอยจะเริ่มรู้สึกหน้าตึงๆจากยาเริ่มออกฤทธิ์ในวัน 3-5 และเห็นผลชัดเจนใน 2 สัปดาห์ โดยหลังฉีดลดริ้วรอยจะต้องมาพบแพทย์ตามกำหนดนัดเมื่อครบ 2 สัปดาห์เพื่อให้เแพทย์ผู้รักษาได้ประเมินผลการตอบสนองของกล้ามเนื้อและในบางตำแหน่งอาจจะต้องฉีดย้ำเพิ่มอีกครั้งเพื่อให้ผลรักษาชัดเจนขึ้น

ฉีดลดกลิ่นเหงื่อรักแร้

ปัญหากลิ่นเหงื่อรักแร้จะพบได้บ่อยในช่วงอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะตอนออกกำลังกาย ทำงานหนักๆ หรือในขณะที่อารมณ์ตื่นเต้น เครียดก็จะทำให้มีเหงื่อเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะพบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คนที่มีปัญหาเหงื่อรักแร้ออกมาเยอะจะทำให้มีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเต่าตามมาจนทำให้ขาดความมั่นใจและไม่กล้าเข้าสังคม ในบางคนกลิ่นเหงื่อรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการทาโรลออนเลย
ต่อมเหงื่อของคนเราแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

  1. ต่อมเหงื่อขนาดเล็ก Ecrine gland มีอยู่ที่ผิวหนังทุกที่ในร่างกาย ต่อมเหงื่อเหล่านี้มีท่อขับถ่ายต่อออกไปยังผิวหนังชั้นนอกสุด เมื่ออุณหภูมิภายนอกร่างกายสูงขึ้นต่อมเหงื่อขนาดเล็กเหล่านี้จะขับเหงื่อออกมาตลอดเวลา โดยเฉพาะขณะออกกำลังกาย มีอารมณ์ตื่นเต้น หรือ เครียด เป็นต้น ซึ่งปริมาณเหงื่อที่ขับถ่ายออกมาจะเพิ่มขึ้นจนสังเกตเห็นได้ชัดเจน เหงื่อจากต่อมเหงื่อขนาดเล็กเหล่านี้ประกอบด้วยน้ำร้อยละ 99 สารอื่นๆ ร้อยละ 1 ซึ่งได้แก่ เกลือโซเดียมคลอไรด์และสารอินทรีย์พวกยูเรีย นอกนั้น เป็นสารอื่นอีกเล็กน้อยเช่น แอมโมเนีย กรดอะมิโน น้ำตาล กรดแลกติก
  2. ต่อมเหงื่อขนาดใหญ่ apocrine gland จะพบได้ในบริเวณ รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ช่องหูจมูก อวัยวะสืบพันธุ์บางส่วน ต่อมเหล่านี้มีท่อขับถ่ายขนาดใหญ่กว่า โดยเปิดระบายออกมาตามรูขุมขนใต้ผิวหนัง สารที่ขับถ่ายออกจากต่อมชนิดนี้จะมีไขมันปนออกมาด้วยทำให้มีกลิ่นรุนแรงซึ่งเราเรียกว่า กลิ่นตัว นั่นเอง


ปัจจุบันมีวิธีแก้วิธีแก้ไขกลิ่นเหงื่อดังนี้

  1. วิธีการผ่าตัด ถ้าเป็นการผ่าตัดก็จะเป็นการเลาะเอาต่อมเหงื่อออก หรือไม่ก็ตัดเส้นประสาทที่มาเลี้ยงต่อมเหงื่อเพื่อให้การสั่งงานลดลง แต่สมัยนี้การผ่าตัดไม่นิยมทำกัน เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น การติดเชื้อ หรือเป็นแผลเป็น
  2. ทาโรลออน ก็ช่วยได้อีกวิธี แต่สำหรับบางคนวิธีนี้อาจทำให้อยู่ได้ไม่ค่อยได้นาน
  3. ฉีดลดกลิ่นเหงื่อ เข้าผิวหนังบริเวณรักแร้ นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ โดยจะไปยับยั้งการทำงานของระบบประสาทส่วนปลายที่ไปเลี้ยงต่อมเหงื่อเพื่อยับยั้งการหลั่งเหงื่อบริเวณรักแร้ ทำให้กลิ่นเหงื่อลดลงได้อย่างชัดเจนการฉีดปกติจะใช้ข้างละ 50 ยูนิต รวม 2 ข้าง 100 ยูนิต ซึ่งจะเริ่มเห็นผลหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ ผลการรักษาจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือนต่อการรักษาแต่ละครั้ง เหงื่อและกลิ่นเต่าจะค่อยๆ แห้งหายไป

ฉีดลดปีก รอยย่นจมูก ฉีดยกปลายจมูก

ฉีดลดปีกจมูก เป็นการฉีดที่คลายกล้ามเนื้อที่ปีกจมูก เวลากล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะทำให้รูจมูกกว้างขึ้นหรือดูบานขึ้น ดังนั้นเมื่อเราฉีดท็อกซินลดปีกจมูกจะทำให้ปีกจมูกของเราดูเล็กลงและแคบลง หากฉีดลดปีกจมูกต่อเนื่องทุก 4-6เดือน ปีกจมูกของเราก็จะได้รูปมากขึ้นและผลอยู่ได้นานขึ้น

ฉีดรัดแกนจมูก เป็นการฉีดคลายกล้ามเนื้อที่พาดบนสันจมูกให้คลายตัวและลีบเล็กลงช่วยให้สันจมูกดูเด่นชัดขึ้น เรียกว่า การฉีดรัดแกนหรือรอยย่นกระต่าย โดยปกติเวลายิ้มกล้ามเนื้อบนสันจมูกจะหดตัวกดให้สันจมูกแบนลง แลดูสันจมูกแบนราบและกว้างขึ้น เมื่อฉีดท็อกซินเข้าไปจะทำให้กล้ามเนื้อมัดนี้อ่อนแรงลงสันจมูกดูชัดขึ้นและช่วยลดริ้วรอยข้างๆสันจมูกได้ด้วย ซึ่งจะได้ผลดีในคนที่ไม่ได้เสริมจมูกมาก่อน

ฉีดยกปลายจมูก เป็นการฉีดคลายกล้ามเนื้อที่ดึงปลายจมูกลงให้อ่อนแรง ทำให้ปลายจมูกถูกปล่อยให้เชิดขึ้น ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนในคนที่มีปลายจมูกงุ้มลง ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากให้ปลายจมูกเชิดขึ้นด้วยการฉีดท็อกซินยกปลายจมูก

ฉีดลดน่อง ขาเรียว

ฉีดลดน่องหรือฉีดน่องเรียว ขั้นแรกแพทย์จะประเมิณก่อนว่าน่องที่ใหญ่นั่นเกิดจากไขมันที่เยอะหรือกล้ามเนื้อที่ใหญ่ ในกรณีมีไขมันที่น่องอยู่มากจะมองเห็นผิวหนังเป็นคลื่นๆของเซลลูไลท์ได้ในตอนยืนและตอนเอามือหยิบผิวหนังบริเวณน่องขึ้นมาดู ในกรณีน่องใหญ่จากไขมันการแก้ไขสามารถทำได้ด้วย 2 วิธีได้แก่ การฉีดสลายไขมันที่เรียกว่า เมโสแฟต (mesofat) และการดูดไขมันออก (liposuction)

กรณีประเมิณกล้ามเนื้อที่น่องแพทย์จะให้ยืนเขย่งด้วยปลายเท้า ซึ่งจะสามารถมองเห็นมัดกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจนหรือคลำดูขนาดของกล้ามเนื้อน่องได้ง่ายขึ้น จากนั้นจะทำการวาดขอบเขตและจุดที่จะฉีดท็อกซินลดน่อง โดยแพทย์จะฉีดท็อกซินเข้าไปในกล้ามเนื้อน่องที่ชื่อ Gastrocnemius muscle ซึ่งจะมี2มัดได้แก่ มัดนอก (lateral gastrocnemius muscle) และมัดใน (medial gastrocnemius muscle) ปริมาณที่ใช้ในการฉีดลดน่องแต่ละข้างประมาณ 50-100 ยูนิตขึ้นอยู่กับขนาดของกล้ามเนื้อน่องแต่ละคน หลังฉีดจะเริ่มรู้สึกเมื่อยล้ากล้ามเนื้อในช่วง1-2 สัปดาห์แรกจากนั้นจะค่อยๆหายไป และจะสังเกตเห็นได้ว่ากล้ามเนื้อน่องเริ่มลีบเล็กลง โดยหลังทำแพทย์จะนัดมาประเมิณอีกครั้งในช่วง 6-8 สัปดาห์เพื่อจะฉีดลดน่องครั้งที่ 2 ต่อไป ซึ่งจะทำให้น่องเล็กเรียวชัดเจนมากยิ่งขึ้นและผลของการฉีดลดน่องจะคงอยู่ต่อเนื่องได้ประมาณ1ปี ส่วนผลข้างเคียงในการฉีดลดน่องที่พบบ่อยๆคืออาจจะมีรอยเขียวช้ำบริเวณจุดปักเข็มได้บ้างซึ่งจะหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์

ฉีดยกมุมปาก ฉีดแก้หน้าบึ้งปากเบะและฉีดแก้คางบุ๋ม

ปัญหาหน้าบึ้ง ปากเบะ คางบุ๋ม เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณรอบปากมีความแข็งแรงมากเกินไป ทำให้สามารถแสดงสีหน้าอารมณ์ได้มากกว่าปกติ ซึ่งบ่อยครั้งทำให้ดูเหมือนคนเหวี่ยงวีนไม่เป็นมิตรจนเสียบุคคลิกภาพได้เลย การแก้ไขทำได้โดยฉีดตัวยาเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Depressor anguli oris เวลาที่กล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะดึงมุมปากให้ตกลงมาทำให้เกิดอาการปากเบะหน้าบึ้งตามมา หลังจากฉีดตัวยาคลายกล้ามเนื้อเข้าไปที่กล้ามเนื้อมัดนี้แล้ว เราก็จะไม่สามารถทำปากเบะได้มากเหมือนเดิม
โดยส่วนใหญ่ในการแก้ไขหน้าบึ้งจะฉีดตัวยาเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่ปลายคางร่วมด้วย โดยฉีดตัวยาเข้าไปในกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Mentalis หลังจากฉีดตัวยาเข้าไปแล้วจะไม่สามารถทำคางบุ๋มได้ ซึ่งจะช่วยให้ปลายคางดูเหมือนยาวขึ้นและได้รูปทรง

ผลของการฉีดยกมุมปากและฉีดแก้คางบุ๋มจะอยู่ได้นาน4-5เดือนขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของแต่ละคน และเพื่อให้แนวกรอบหน้าสวยได้รูปชัดเจนหมอแนะนำว่าควรทำร่วมกับการฉีดยกกระชับแบบเนเฟอร์ติติลิฟท์

Lasted Post

Body Firm

Body Firm

เร่งให้เกิดการเผาผลาญไขมันในร่างกายกระตุ้นและขับของเสียออกไปขจัดไขมันและเซลลูไลต์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบตึงขึ้นในคนไข้บางรายพบว่ามีน้ำหนักลดลงด้วยช่วยให้เกิดความผ่อนคลายสบายตัว จะพบว่าหลังจากที่คุณทำการรักษาแม้เพียงครั้งแรก…
M-Built

M-Built

คือ เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผาผลาญไขมันในขั้นตอนเดียว โดยสามารถเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อได้มากถึง…
Slim Freeze

Slim Freeze

ใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า Cryolipolysis™…
Premium Celeb Aura

Premium Celeb Aura

วิตามินความเข้มข้นสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดี ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาทำร้ายผิว…